2008-03-26

26 มีค. 51 ครบหนึ่งปีแล้วสินะ...

...วันนี้ 26 มีนาคม เมื่อหนึ่งปีที่แล้วเราถูกเรียกให้เข้าพบผู้อำนวยการที่ทำงานเก่า แล้วก็ทราบว่าถูกให้ออกจากงานเนื่องจากมีความผิดร้ายแรง เออสะใจดีเหมือนกันทำงานมาด้วยความจงรักภักดีตลอดระยะเวลาเกือบ 14 ปี จนที่ทำงานกลายเป็นเหมือนบ้านไปแล้ว ไม่เคยนึกเหมือนกันว่าจะเกิดสิ่งนี้ขึ้นได้ แต่มันก็ทำให้เราเข้าใจแล้วว่าไม่มีอะไรแน่นอน ขอบคุณประสบการณ์ที่ดีอีกครั้งหนึ่งที่สำคัญสำหรับชีวิตของเรา เพราะมันทำให้ชีวิตที่เหลืออยู่ของเราเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง และยังทำให้เราได้เรียนรู้คนอีกหลาย ๆ คนที่อยู่รอบ ๆ ข้างเราว่าใครเป็นอย่างไร ขอบคุณ ๆ

2008-03-17

ประวัติการติดต่องานกับ รพ. มิชชั่น

...วันที่ 14 มีค. 51 เวลาบ่ายโมงถึงประมาณบ่ายสองโมงกว่า เราได้ไปพบ มร.จอร์จ และคุยเรื่องเดิมที่เคยส่งจดหมายไปอธิบายเรื่องต่าง ไม่น่าเชื่อเลยว่าเขาจะเป็นคนอย่างนี้ ไม่เคยพบคนแบบนี้จริง ๆ นิสัยเหมือนเด็กอมหมือไม่มีผิดเลย ไม่ยอมรับอะไรแถมยังแต่งเรื่องมาให้ผิดเราอีก เราละก็สรุปไปเลยว่า ขอให้พระเจ้าเป็นผู้ตัดสินก็แล้วกัน พระเจ้ารู้ว่าอะไรจริงและเท็จ และเจตนาใครเป็นอย่างไร มากล่าวหากันได้ไงว่า หลายคนที่อยากเป็นคริสเตียนแต่ไม่มาเป็นเพราะเห็นการทำตัวของเรา แล้วทำให้เขาไม่อยาก กลายเป็นว่าเราชั่วถึงขนาดนั้นเลยหรือนี่ โธ่
...แล้วยังมายุให้เรา แตกแยกกับโจอีก บอกว่าว่าโจได้มาให้ข้อมูลไว้หมดแล้วว่าเราพยายามที่จะหาข้อมูลจากโจ หลังจากที่เขาถูกเรียกไปสัมภาษณ์ โดยการโทรไปสอบถาม เรายังไม่เคยโทรไปหาโจเลย เบอร์เราก็ไม่มีแล้ว เค้าเอาอะไรมาพูดนิ แต่งเรื่องใส่ร้ายกันชัด ๆ เลย
...กลุ่มคนที่เราสร้างมิตรภาพไว้ และดีกับเราก็บอกว่าเป็นกลุ่มอิทธิพลของเราอีก แล้วจะให้เราอยู่อย่างไรว่ะเนี่ย อยากให้อยู่แบบเค้ากันเหรอ อยู่แบบไม่เคยยิ้ม และไม่เคยมีคนที่จริงใจด้วย ช่างน่าสมเพชจริง ๆ

เพื่อน...

...เพื่อนดี และเพื่อนไม่ดีวัดกันด้วยอะไรน้ะยากในการที่จะบอกว่าว่าใครดีหรือไม่ดี แต่โดยความรูสึกที่เป็นมนุษย์ก็คือถ้าใครดีกับเราก็คิดไปแล้วว่าเขาดี(กับเรา) แท้จริงเราไม่รู้เขาหวังอะไรหรือคิดอะไรในใจ กลุ้มจริง ๆ เลย แต่พระเจ้าคือเพื่อนที่ดีและดีตลอดการด้วย

2008-03-13

ค่ายผู้อาวุโสที่แก่งกระจาน เจ็ดถึงเก้ามีนา ห้าหนึ่ง...

...รถออกจากร.พ.มิชชั่นเกือบบ่ายสี่โมงแล้ว มีรถ สองคัน เป็นรถตู้คันหนึ่ง และรถบิกอัพคันหนึ่งเรามุ่งหน้าไปยังแก่งกระจานเพื่อจะเข้าค่ายที่นั่น เป้าหมายคือการนอนเต้นท์อยู่ที่นั่น สองคืนด้วยกันมีผู้ร่วมเข้าค่ายหลายคนเหมือนกัน ขับรถมานานหลายชั่วโมงก็มาถึงแก่งกระจานเราตั้งหน้า ตั้งตากันตั้งเต้นท์เพื่อนอนสำหรับคืนนี้
...หลังจากกางเต้นท์เสร็จเรียบร้อยเราเริ่มทำกับข้าวกันสำหรับมื้อเย็น ทุกคนต่างช่วยกันคนละไม้ละมือปรุงอาหารตามที่สามารถจำทำได้ อาหารมือเย็นนี้ต้องอร่อยแน่นอน ผู้อาวุโสก็นั่งอ่านหนังสือ ดูลูกหลานปรุงอาหารเย็นกันอยู่ในเต้นท์ บ้างก็นั่งชมธรรมชาติซึ่งเป็นแก่งน้ำขนาดใหญ่ แต่น้ำจะแห้งไปนิดเมื่อเทียบการการที่เรามาครั้งที่แล้ว
...หลังจากทานอาหารกันเสร็จเราก็นั่งศึกษาพระคัมภีร์ด้วยกัน นำโดยอ.พะดา ยามค่ำคืน คืนนี้ดูเหมือนจะท้องฟ้าไม่เปิดเราจึงไม่ได้เห็นดวงดาวกันเลย แถมยังไม่พอ มีฝนปรอย ๆ มาด้วย เราก็นึกอธิษฐานขอให้พระเจ้าได้เลื่อนฝนไปที่อื่น ถ้าเป็นน้ำพระทัยของพระองค์ และก็ฝนก็ไม่ตกจริง ๆ ด้วย ถึงแม้ว่าท้องฟ้าจะดูมืดไปด้วยเมฆฝนก็ตาม ขอบคุณพระเจ้า หลังจากประชุมกันเสร็จแล้วทุกคนก็เข้านอน คงจะเหนื่อยจากการเดินทางกันมาพอสมควร

--- BMX & BMW ---

...ทุกครั้งที่ส่งลูกไปโรงเรียนก็อดคิดไม่ได้ว่า ลูกจะคิดอะไรหรือเปล่า ก็ภาวนาว่าขออย่าให้ลูกคิดอะไรก็แล้วกัน หลายครั้งที่ลูกถามเหมือนกันว่าทำไมไม่มีรถ เมื่อไหร่จะซื้อรถ เราก็ตอบลูกว่ามันไม่จำเป็นสำหรับเราตอนนี้ และก็เราก็ไม่ลำบากอะไรถ้าไม่มีรถ และอีกอย่างเราก็ต้องเตรียมเงินไว้ให้ลูก ๆ สำหรับค่าเทอมอีกยาวนานด้วย เห็นเพื่อน ๆ ของลูกพ่อแม่เค้ามีรถขับมาส่งกัน บ้างก็เบ็นซ์ บ้างก็บีเอ็ม...กลัวลูกจะคิดน้อยใจเหมือนกัน แต่อย่างไรก็แล้วแต่ พ่ออยากจะบอกให้ลูก ๆ รู้ว่าพ่อได้ให้สิ่งที่ดีที่สุดกับลูกแล้วตามพระทัยพระเจ้าที่ได้ให้เรา ลำพังพ่อแล้วคงไม่สามารถให้อะไรได้มากมาย เพราะพ่อเองก็ไม่มีอะไรติดตัวมาเลย ต้องสร้างทุกอย่างเอาเองหมด อยากจะบอกลูก ๆ ว่าลูก ๆ โชคดีนะที่ได้เป็นลูก ๆ ของพ่อ ขอให้ลูก ๆ ตั้งใจเรียน และอยู่กับสิ่งที่่เป็นอยู่ให้มาก เราจะต้องติดดิน อย่างนี้ตลอดไป เพื่อเราจะได้ไม่ลืมตัวว่าเรามาจากอะไร ตราบใดที่พระพรพระเจ้ายังเต็มเปี่ยมลูก ๆ ก็จะยังคงได้มีโอกาสเรียนต่อไป แต่บางครั้งเราก็ต้องเรียนรู้ความยากลำบากด้วยเช่นเดียวกันสู้ต่อไป...

2008-03-04

เพื่อนธนภูมิ มาซ่อมแอร์ให้ และเพื่อนปีนัง ก็มากินข้าวด้วย

...เช้าวันใหม่ ตื่นนอนคล้าย ๆ กัน เดินทางอยู่ทุกวัน รุ่งเช้า ตื่นนอน เหมือนกัน ดังวานซืน หวังแค่เพียง ผ่านวันให้พ้นวัน ...เสียงเพลงที่เคยร้อง เมื่อหลายปีก่อน ดังก้องในความคิด ช่างเป็นชีวิตที่สำเร็จรูปตามนั้นจริง ๆ ชีวิตคนเรา ถ้าไม่คิด ไม่ทำอะไรที่เป็นประโยชน์เพื่อผู้อื่นบ้าง ไม่ห่วงใย เอื้ออาทร ใส่ใจดูแลคนรอบข้างให้มีความสุข มันก็คงอยู่ไปอย่างนั้นวัน วัน จริง ๆ
...เมื่อวานเพื่อนธนภูมิ มาซ่อมแอร์ให้ และเพื่อนปีนัง ก็มากินข้าวด้วย หลังจากนั้นก็ไป RBAC เพื่อเอาหลักฐานการชำระภาษีไปส่ง แล้วก็กลับมาพบครูประจำชั้นของนิกกี้ เสร็จแล้วก็กลับมาบ้านสอนเปียโนลูกได้นิดหน่อย คงจบภาระกิจละสำหรับวันนี้