
ประสบการณ์ชีวิตดี ๆ และมีค่า ต่อการสรรสร้างกำลังใจ อยากจะบันทึกไว้ให้ตัวเองได้เก็บไว้อ่านทุกครั้งที่อ่อนล้า หมดแรง เพื่อจะได้สร้างกำลังใจให้ก้าวเดินต่อไป ได้ทุก ๆ วัน
2008-03-26
26 มีค. 51 ครบหนึ่งปีแล้วสินะ...

2008-03-17
ประวัติการติดต่องานกับ รพ. มิชชั่น
...แล้วยังมายุให้เรา แตกแยกกับโจอีก บอกว่าว่าโจได้มาให้ข้อมูลไว้หมดแล้วว่าเราพยายามที่จะหาข้อมูลจากโจ หลังจากที่เขาถูกเรียกไปสัมภาษณ์ โดยการโทรไปสอบถาม เรายังไม่เคยโทรไปหาโจเลย เบอร์เราก็ไม่มีแล้ว เค้าเอาอะไรมาพูดนิ แต่งเรื่องใส่ร้ายกันชัด ๆ เลย
...กลุ่มคนที่เราสร้างมิตรภาพไว้ และดีกับเราก็บอกว่าเป็นกลุ่มอิทธิพลของเราอีก แล้วจะให้เราอยู่อย่างไรว่ะเนี่ย อยากให้อยู่แบบเค้ากันเหรอ อยู่แบบไม่เคยยิ้ม และไม่เคยมีคนที่จริงใจด้วย ช่างน่าสมเพชจริง ๆ
เพื่อน...
...เพื่อนดี และเพื่อนไม่ดีวัดกันด้วยอะไรน้ะยากในการที่จะบอกว่าว่าใครดีหรือไม่ดี แต่โดยความรูสึกที่เป็นมนุษย์ก็คือถ้าใครดีกับเราก็คิดไปแล้วว่าเขาดี(กับเรา) แท้จริงเราไม่รู้เขาหวังอะไรหรือคิดอะไรในใจ กลุ้มจริง ๆ เลย แต่พระเจ้าคือเพื่อนที่ดีและดีตลอดการด้วย
2008-03-13
ค่ายผู้อาวุโสที่แก่งกระจาน เจ็ดถึงเก้ามีนา ห้าหนึ่ง...
--- BMX & BMW ---
2008-03-04
เพื่อนธนภูมิ มาซ่อมแอร์ให้ และเพื่อนปีนัง ก็มากินข้าวด้วย

...เมื่อวานเพื่อนธนภูมิ มาซ่อมแอร์ให้ และเพื่อนปีนัง ก็มากินข้าวด้วย หลังจากนั้นก็ไป RBAC เพื่อเอาหลักฐานการชำระภาษีไปส่ง แล้วก็กลับมาพบครูประจำชั้นของนิกกี้ เสร็จแล้วก็กลับมาบ้านสอนเปียโนลูกได้นิดหน่อย คงจบภาระกิจละสำหรับวันนี้
2008-02-29
เรื่องดีดี เกี่ยวกับความรัก ที่ได้จากเมล์

เธอไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใคร เธอพูดกับเขาว่า
' ฉันไม่คิดว่าฉันรู้จักพวกคุณ แต่ท่าทางคุณต้องหิวแน่เลย โปรดเข้ามาในบ้านและทานอะไรซักหน่อยเถอะ '
' สามีของเธออยู่ในบ้านไหม' เขาถาม
' ไม่' เธอตอบ ' เขาออกไปข้างนอก'
' ถ้าอย่างนั้น พวกเราก็เขาไปข้างในไม่ได้ดอก' เขาตอบ
ในตอนเย็น เมื่อสามีเธอกลับมาบ้าน เธอเล่าให้เขาฟังว่าเกิดอะไรขึ้น
' ไปบอกพวกเขาซิ ฉันกลับมาบ้านแล้ว และเชิญเข้ามาในบ้านเถิด'
เธอก็ออกไปและเชิญพวกชายชรานั้นให้เข้ามาในบ้าน
' เราเข้าไปในบ้านพร้อมกันไม่ได้หรอก' เขาตอบ
' ทำไมล่ะ' เธอถาม
ชายชราคนหนึ่งอธิบายว่า ' เขาชื่อ ความมั่งคั่ง'
เขาพูดและชี้ไปยังเพื่อนของเขา และชี้ไปยังอีกคนหนึ่งว่า
' เขาคือ ความสำเร็จ และฉันคือ ความรัก'
เขากล่าวต่อไปว่า
' บัดนี้ จงเข้าไปข้างในและปรึกษากับสามีของเธอว่า คนไหนในพวกเราที่คุณต้องการจะให้เข้าไปในบ้านของคุณ'
เธอกลับเขามาข้างในและบอกกับสามีของเธอ สามีของเธอรู้สึกดีใจมาก
' วิเศษจริงๆ ' เขากล่าว
' เมื่อเป็นเช่นนี้ เราจะเชิญ ความมั่งคั่ง เมื่อเขาอยู่กับเรา บ้านของเราจะเต็มไปด้วยความมั่งคั่ง'
ฝ่ายภรรยาไม่เห็นด้วย
' ที่รัก ทำไมเราไม่เชิญ ความสำเร็จ ล่ะ'
ขณะนั้นลูกสะใภ้ได้ยินทั้งสองกำลังปรึกษาจากมุมหนึ่งของบ้าน เธอก็เข้ามาและแนะนำว่า
' จะไม่ดีกว่าเหรอ ถ้าเราเลือก ความรัก บ้านของเราจะเต็มไปด้วยความรักไง'
' เราฟังสิ่งที่ลูกสะใภ้แนะนำเถอะ' สามีกล่าวกับภรรยา
' ออกไปข้างนอกและเชิญความรักเขามาเป็นแขกของเราเถอะ'
ภรรยาออกไปและถามชายชราทั้ง 3 ว่า
' ใครคือความรัก โปรดเข้ามาและเป็นแขกของเราเถอะ'
ความรักลุกขึ้นและเดินไปยังบ้าน ชายชราอีก 2 คนก็ลุกขึ้นและตามเขาไป ด้วยความประหลาดใจ ภรรยาถาม ความมั่งคั่ง และความสำเร็จว่า
' ฉันเชิญเพียงความรัก ทำไมคุณถึงเข้ามาด้วยล่ะ'
ชายชราตอบพร้อมกันว่า
' ถ้าคุณเชิญความมั่งคั่ง หรือ ความสำเร็จ คนใดคนหนึ่ง อีกสองคนก็จะอยู่ข้างนอก
แต่เมื่อคุณเชิญความรัก ที่ใดที่เขาไป เราจะไปกับเขา ที่ใดมีความรัก ที่นั่นก็จะมีความมั่งคั่งและความสำเร็จ'
คุณมีตัวเลือก 2 ข้อคือ 1. ปิดมันเสีย 2. เชิญความรัก โดยแบ่งปันเรื่องนี้กับทุกคนที่รัก
( อย่าเอาความมั่งคั่ง , สำเร็จในการงานโดยไม่ คำนึงถึงความรักต่อเพื่อนร่วมงาน , สังคม , และครอบครัว)
2008-02-20
ข้อมูลเกี่ยวกับครูอาสารุ่นที่ 99 ของฉัน...

2008-02-08
"พี่หร่อง" นักเลง 2499 ที่ไม่มีใครรู้จัก...
2008-02-07
คิดว่าจะบันทึกประวัติของตัวเองไม่มีโอกาสสักที...

2008-02-04
"พระเจ้าทรงดูแล" ...ตามคำขอ
...ปลายปี 2549 บรรยากาศที่ทำงานของฉันเริ่มตรึงเครียด ฉันก็ไม่ทราบด้วยสาเหตุมาจากอะไร อาจจะเป็นเพราะสภาพเศรษฐกิจของสังคมปัจจุบันที่ทำให้เป็นไป จนในที่สุดฉันก็ได้เห็นเพื่อนร่วมงานถูกจ้างให้ออกจากงาน มันไม่ใช่คนเดียว ไม่นานนักก็มีอีกคนที่ต้องถูกจ้างให้ออกจากงาน ฉันรู้สึกสะเทือนใจจริง ๆ กับสภาพที่เห็นดังกล่าว เพื่อนได้มาปรับทุกข์และร้องไห้ร่วมกันกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา ฉันได้แต่คิดในใจว่าถ้ามันเกิดขึ้นกับฉันบ้างฉันจะทำอย่างไร แต่ก็อดที่จะสงสารเพื่อนไม่ได้ขณะนั้น
...และแล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นกับฉันจริง ๆ เมื่อปลายเดือนมีนาคม 2550 ฉันถูกเรียกให้เข้าพบกับหัวหน้าองค์กรนั้นและได้รับจดหมายเป็นภาษาอังกฤษ ให้ฉันอ่าน หลังจากที่ฉันอ่านแล้วก็เข้าใจว่ามีอะไรเกิดขึ้นแล้วกับฉัน ฉันทบทวนสิ่งที่ตัวเองเข้าใจโดยการส่งจดหมายดังกล่าวให้กับหัวหน้าฝ่าย ท่านหนึ่งที่ได้เข้าเป็นพยานด้วย ให้ช่วยแปลให้หน่อย เขาก็แปลให้แบบอึดอัด แบบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน สรุปก็คือในจดหมายนั้นบอกว่า ฉันทำผิดร้ายแรง และจำเป็นต้องให้ออกจากงานทันทีโดยไม่ต้องจ่ายค่าบอกกล่าวล่วงหน้า 10 เดือน ในใจฉันสะอื้นลึก ๆ แต่ไม่มีใครเห็นความรู้สึกนั้นของฉัน เพราะฉันซ่อนมันไว้อย่างดี คำถามเกิดขึ้นในใจฉันทันที สิ่งที่ฉันหวังดี ความจงรักภักดีของฉันที่มีต่อองค์กรตลอดระยะเวลาเกือบ 14 ปี ที่ผ่านมามันลงเลยด้วยแบบนี้กับความรู้สึกของผู้นำองค์กรคนเดียวหรือ
...ลูกฉัน 3 คนกำลังเรียนหนังสืออยู่ ต้องใช้เงินจำนวนมากแต่ละเดือน แม่ที่พิการขาหัก 2 ข้างไม่สามารถเดินได้ ต้องนั่งอยู่ในรถเข็นตลอดเวลาถ้าไม่ได้อยู่บนเตียงนอน ค่าใช้จ่ายสำหรับค่ายาก็ไม่น้อยต่อเดือน ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ในบ้านอีก หนี้สินที่ต้องผ่อนชำระต่อเดือนอีกล่ะ ฉันยอมรับว่าความจงรักภักดีต่อองค์กรเพื่อที่จะทำงานรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้ามันทำให้ฉันลืมวางแผนเรื่องสิ่งเหล่านี้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ฉันทำงานโดยได้รับค่าตอบแทนเมื่อเทียบกับเพื่อนรุ่นเดียวกันที่จบมาพร้อมกัน ฉันได้น้อยกว่า 2-3 เท่า แม้ว่าฉันจะมีค่าใช้จ่ายต่อเดือนติดลบเดือนละไม่น้อย แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ฉันกระวนกระวายแต่อย่างใด เพราะเชื่อว่าพระเจ้าจะทรงเลี้ยงดู
...ฉันต้องถูกให้ออกจากงานทันที คำถามมากมายเกิดขึ้นในความคิดของฉัน มันยังคงเวียนวนอยู่เพื่อหาคำตอบ ในช่วงเวลาที่สับสนนั้น ฉันจะไปอยู่ที่ไหน เพราะปกติอยู่บ้านพักสวัสดิการ เมื่อถูกให้ออกจากงานฉันก็ต้องย้ายออกจากบ้านพักสวัสดิการ แล้วจะไปอยู่ไหน? ลูกจะมาเรียนได้อย่างไร? ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จะหาได้จากไหน หนี้สินที่ต้องจ่ายจะเอาจากไหน แม่ที่ไม่สบายล่ะที่ต้องอยู่กับเรา จะไปอยู่ไหน ท่านก็สุขภาพไม่ค่อยดี ฉันยอมรับว่า ณ.ขณะนั้นฉันสับสน และตั้งคำถามกับพระเจ้าว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันแค่คิดในใจว่าสักวันหนึ่งมันอาจจะต้องเกิดขึ้นกับฉัน และแล้ววันนั้นก็มาถึงจริง ๆ
...ห้วหน้างานฉันพยายามแนะนำให้ผู้นำองค์กรให้โอกาสฉันเขียนจดหมายลาออกเพื่อจะได้มีโอกาสรับผลประโยชน์บางอย่างที่จะเป็นค่าใช้จ่ายได้ในช่วงเวลาที่ลาออก ดีที่ฉันมีโอกาสได้อยู่บ้านพักสวัสดิการได้อีก 1 เดือน จนถึงปลายเดือนเมษายน 2550 ตอนแรกฉันไม่สนใจที่จะทำตาม เพราะฉันคิดว่าฉันไม่ได้ผิดตามคำกล่าวหาและร้ายแรงจนถึงขั้นที่ไม่ต้องจ่ายค่าบอกกล่าวล่วงหน้า ท้ายที่สุดฉันได้อธิษฐานถามพระเจ้าด้วยน้ำตา คนเดียว 2-3 วัน ฉันไม่ได้แสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น เพราะฉันคือคนเดียวในครอบครัวที่หารายได้ ถ้าใครเห็นความอ่อนแอของฉันตอนนี้ เขาคงจะหวั่นไหวเหมือนกัน ในสังคมฉันยังคงยิ้มได้ แต่ส่วนลึกในใจใครจะรู้ ฉันยอมเขียนจดหมายลาออกตามคำแนะนำ
...ฉันต้องออกจากสถานที่ที่เป็นเหมือนบ้านและที่ทำงานของฉันตลอดระยะเวลาเกือบ 14 ปีที่ผ่านมา มันไม่เจ็บปวดอะไรมากมายสำหรับฉันหรอก แต่สิ่งที่ทำให้ฉันเจ็บปวดและถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ก็คือฉันไม่สามารถตอบคำถามของลูก ๆ ได้ว่า "ทำไมเราต้องย้ายล่ะ?" อธิบายไปลูก ๆ ก็คงไม่เข้าใจหรอก ฉันได้แต่เพียงว่าสักวันหนึ่งลูก ๆ คงจะเข้าใจ ขอบคุณเพื่อน ๆ ที่ดีที่ช่วยให้กำลังใจฉันยามที่ฉันสับสน และแล้วฉันก็เข้าใจว่าพระเจ้ามีแผนการสำหรับลูกของพระองค์เสมอ ฉันพยายามหาบ้านพักใหม่จนฉันได้บ้านพัก เป็นบ้านเช่า ใกล้กับโรงเรียนของลูก และได้งานทำอีก 1 เดือนทันที แม้ว่าฉันจะไม่สบายใจกับที่ทำงานที่ได้ฉันทำอยู่แค่ 3 เดือนแล้วลาออกอีก ไม่ใช่เพราะว่าค่าตอบแทนน้อยหรืออย่างไร แต่มันคือความสุขทางใจฉันหาไม่เจอต่างหากล่ะ ฉันตัดสินใจลาออกจากงานหลังจากทำที่นั่นได้ 3 เดือน และฉันก็ได้งานทำงานที่ใหม่ซึ่งได้ค่าตอบแทนหลายเท่ากว่าที่เคยได้มันเพียงพอสำหรับทุกสิ่ง และตอบทุกคำถามที่มีในใจฉัน ใครจะเชื่อว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ฉันคงปฏิเสธความรักของพระเจ้าไม่ได้แน่
...วันนี้อยากจะเป็นพยานให้กับทุกคน ถ้าพระเจ้าทรงดูแลฉันขนาดนี้ พระเจ้าองค์เดียวกันนี้แหละ จะทรงดูแลท่านด้วยเช่นกันเดียวกัน...คุณพร้อมที่จะให้พระองค์เป็นผู้ดูแลคุณหรือไม่...อาเมน
ในห้วงแห่งความวังเวง...
...มนุษย์พยายามแสวงหาที่พึ่งเมื่อยามเรามีความทุกข์จากเพื่อนรอบ ๆ ข้างเรา จากคนที่เรารัก จากคนที่เราไว้ใจ แต่ก็ใช่ว่าเราจะได้ความสงบใจทุกครั้งไป แต่ในองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่เคยที่จะผิดหวังในที่เราต้องการเลย ขออย่าให้เราละเลยที่จะแสวงหาพระองค์ ให้พระองค์เป็นที่พึ่งของเราตลอดไป
Subscribe to:
Posts (Atom)