2006-10-25

การประชุมอธิษฐาน ๒๔-๒๘ ตค.๒๕๔๙

สัปดาห์แห่งการประชุมอธิษฐาน ๒๔-๒๘ ตุลาคม ๒๕๔๙
ผู้พูดคือ อ.อธิคม ศรีรัตนประภาส จากวิทยาลัยมิชชั่นมวกเหล็ก

4 comments:

Wareewarach said...

เริ่มวันแรกคือ เช้าวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๔๙ (เช้า)
.......เริ่มด้วยการแนะนำตัวเอง ว่าเป็นเด็กเกิดที่มิชชั่นเหมือนกัน ไม่แน่ใจว่าตึกไหน ตึกอนาถา มิดไวท์ หรือเปล่าจำไม่ได้ เพราะไม่ได้ถามคุณแม่
.......คุณแม่เป็นพยาบาลเหมือนกัน ทำงานด้านมิดไวท์ เช่นกัน คุณพ่อเป็นศาสนาจารย์ จำได้ว่าเราย้ายที่ตามคุณพ่อบ่อย ๆ เช่น ไปภูเก็ต, หาดใหญ่บ้าง
ท้ายที่สุดก็กลับมาที่กรุงเทพ แม่แน่ใจ่ว่าว่าพ่อทำที่ไหน แต่แม่เป็นพยาบาลที่มิดไวท์
.......ตัวเองเป็นเด็กที่ชอบพจญภัย...วันหนึ่งผมเองได้ขึ้นลิฟท์ ด้านซ้ายของ รพ.ซึ่งได้ฉายาว่าลิฟท์ค้าง เพราะเห็นช่างซ่อมบำรุงขึ้นก็เลยขอขึ้นไปกับเค้า
เห็นเค้าเปิดประตูเข้าสองชึ้น ปิด แล้วกดลิฟท์ ขึ้นไปชึ้นห้า สนุกดี ตื่นเต้นดี บอกให้แม่ทราบ แม่บอกว่า อย่าไปยุ่งกับลิฟท์ตัวนั้นเด็ดขาดนะ ถ้าไม่มีผู้ใหญ่อยู่ด้วย
.......เย็นวันหนึ่งขณะที่โรงพยาบาลมีการจัดงานคริสตมาส ผมจึงมาเดินเล่นที่รพ. เห็นเจ้าลิฟท์ค้าง..เลยอยากลองเข้าไปบ้าง...เปิดประตูสองขึ้น เข้าไปข้างใน กด ปุ่ม ลิฟท์ขยับ..สนุกดี...กดอีก ลิฟท์ ขยับขึ้นไปถึงชั้นห้า ถึงแล้ว แต่เปิดลิฟท์ไม่ออก...ทำไงดี... พยายามขยับก็ไม่ได้ ยังไม่พอ ไฟยังดับมือสนิท... ผมเริ่มกลัว..และก้มลงอธิษฐานร้องขอ คุณพระช่วย.. เชื่อไหม.. พอลืมตามผมเห็นมี ค้นโยกที่ประตู ลองโยกดู เปิดประตูได้ ผมรีบออกมา แล้วไม่ยุ่งกับมันอีกเลย เรื่องดังกล่าวก็ไม่เคยบอกให้แม่ทราบ
....... ถ้าเราร้องขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าพระองค์ทรงฟังเรา และช่วยเหลือเราได้แน่นอน...

Wareewarach said...

เริ่มวันแรกคือ วันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๔๙ (เย็น)
....... เย็นวันนั้นผมจำได้ดี คือวันที่ ๒๔ ผมจำได้ดีเป็นวันที่พ่อผมเสียชีวิต คืนวันที่ ๒๓ ตุลาคม เป็นวันปิยมหาราช ผมสังเกตุเห็นแม่และพี่สาวร้องไห้ ผมจึงถามเค้าบอกว่าพ่อตายแล้ว ด้วยโรคหัวใจ...
....... หลังจากนั้นอะไรก็เริ่มแย่ลง แม่ทำงานหนักขึ้น ทำงานหลายที่ วันหนึ่งขณะที่ผมเล่นอยู่ ผมรู้สึกเจ็บหน้าอก เลยถามแม่ว่าเป็นอะไรหรือเปล่า แม่ก็มาจับชีพจร แล้วบอกว่าเป็นเหมือนพ่อ... ชีพจรเต้น 350 ครั้งต่อนาที..
....... ผมเริ่มกลัว กลัวตาย...เพราะยังเป็นเด็กอยู่ไม่สมควรถึงวันนั้น ผมจึงเปลี่ยนทัศนคติใหม่คือ ผมจะทำอะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้ชีวิตมีความสุข และจะไม่ทำอะไรที่ทำให้ชีวิตไม่มีความสุข...
....... การเรียนทำให้ไม่มีความสุข ผมไม่เอา แล้วก็เริ่มคบเพื่อน กลุ่มที่ชอบหนีเรียน.. จนในทีสุดก็สูบบุหรี่ กินเหล้ากับเพื่อน ติดยา...
....... เพราะเจ้านำชนชาติอิสราเอลออกจากการเป็นทาส แต่เค้ากลับต่อว่าพระเจ้า... เราก็เช่นกันการที่ได้รับเชื่อ รับศีลใช่ว่าเราจะเป็นคนดีในทันที แต่ต้องใช้เวลากับพระเจ้า ยอมให้พระองค์นำ..เรา
....... แล้วมาติดตามตอนต่อไป

Wareewarach said...

วันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๔๙ (เช้า)
...... หลังจากคบเพื่อนกลุ่มที่ไม่ชอบเรียน กินเหล้า สูบบุหรี่ เล่นสนุก...ในทีสุดวันสอบปลายภาคก็มาถึง ผมและเพื่อนคิดว่าอย่างไรก็คงสอบไม่ได้ เพื่อนคนหนึ่งจึงชวนไปกินเหล้าตอนเที่ยง...หน้าแดงมาสอบกัน...สอบไม่ได้จริง ๆ
...... แม่เสียใจกับการกระทำของผม แม่บอกว่าเราเป็นลูกของศาสนาจารย์นะ ทำอะไรก็ให้ระวัง คนอื่นเค้าจะว่าแม่ได้ ผมเริ่มอึดอัด กับคำสอนของแม่ และรู้สึกไม่เป็นอิสระ
...... ผมมีพรสวรรค์ด้านดนตรี และสามารถเล่นมันได้ทั้งคืน มีเพื่อนสอนผมเล่นเพลง แต่พอผ่านไประยะหนึ่งผมกลับเล่นเก่งกว่าเพื่อนอีก จนเพื่อนขอให้ผมสอนให้ วันหนึ่งเราได้เล่นแสดงดนตรีกัน กับเพื่อน ๆ ในงาน
...... คุณแม่ไม่ชอบให้ผมเล่นดนตรีแบบนั้น ขณะที่กำลังเล่นดนตรี คุณแม่มายืนดูอยู่ข้างหลังผมไม่พอใจ และขอให้คุณแม่กลับไป คุณแม่ไม่กลับ และรอจนผมกลับไปด้วย...ผมรู้สึกไม่ไหวแล้ว
...... ผมจึงตัดสินใจหนีออกจากบ้าน และโขมยเงินแม่ไปด้วยนับได้ สามพันบาท ติดต่อเพื่อนรักชื่อ กวง ที่จะไปเป็น ศาสนาจารยที่ ภูเก็ต นัดกันที่สามแยกไปฉายและก็ไปกัน
...... ผมใช้เงินจนหมด และหาทำงานที่นั่นลำบากมากรับจ้างถางหญ้าสวนยางได้วันละ ๑๘ บาท ทำใด้ระยะหนึ่งคิดว่าไม่ไหวแล้ว เลยทำงานก่อสร้างที่ รพ.มิชชั่นภูเก็ต หัวหน้าคนงานก็ให้ทำ ได้วันละ ๒๒ บาทดีหน่อย แต่ก็ไม่ดี คิดถึงอนาคตตัวเองว่าจะเป็นอย่างไร คิดถึงบ้าน เลยเขียนจดหมายหาแม่ บอกว่าอยากกลับบ้านแล้ว แม่ไม่ว่าอะไรนะ....
....... วันหนึ่งหัวหน้าคนงานเอากล่องหนึ่งมาให้ เปิดดูผมน้ำตาร่วงเลย เพราะเป็นส่งที่ผมชอบกินมาก ซึ่งส่งมาจากแม่... ผมรู้ว่าแม่รักผม ผมจะกลับบ้านไปหาแม่
..... พระเจ้าเช่นเดียวกัน พระองค์รักเรา พระองค์รู้ว่าเราต้องการอะไร ขอให้เรายึดพระองค์เป็นที่พึ่ง

Wareewarach said...

-----------------------------------
เย็นนี้เราเชิญ อ.มาทานข้าวที่บ้านหลังจากที่เสร็จากกาประชุมอธิษฐาน
วันนี้พูดเรื่อง... ๒๕ ตุลาคม ๒๕๔๙ (เย็น)
................ หลังจากที่ได้รับ จดหมายจากแม่ครั้งที่แล้ว ที่ทำงานอยู่ที่ภูเก็ต พร้อมกับของที่ชอบซึ่งจำไม่ได้ก็ตัดสินใจที่จะกลับบ้านไปหาแม่ ซึ่งแม่ก็ยินดีและไม่ได้โกรธแม้แต่อย่างใด หลังจากมาอยู่บ้านแล้วก็ได้มีโอกาส จะได้ไปเรียนต่อที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งต้องนั่งรถไป ยอมรับว่า นึ่งรถไกลมาก เพราะต้องนั่งรถหลายต่อมาก ต้องไปลงที่ หาดใหญ่ ต่อไปมาเลเซีย และต่อไปสิงคโปร์
................ พอไปเรียนต่อที่นั่นสาขาที่สมัครก็คือ ศาสนศาสตร์ เพราะไม่ต้องเกี่ยวข้องกับ คณิตศาสตร์ ซึ่งเป็นวิชาที่ไม่ชอบอยู่แล้ว เค้าก็รับไว้เรียนทั้ง ๆ ที่หน้าตาก็ไม่ให้จะเป็นศาสนาจารย์ได้ แต่ก็รับไว้ และได้ทำงานด้วยที่นั่นงานที่ทำคือ ล้างจาน
................ วันหนึ่งได้พบกับสาวงาม นามสมมติว่า พอลล่า และก็ชอบพอกันนาน ไปไหน ๆ ด้วยกัน แต่ระยะหลัง ๆ เราเริ่มทะเลาะกันบ่อย และก็บ่อย ขึ้นทุกที ปรึกษาใครก็แล้ว ก็ยังไม่เลิกทะเลาะกัน จนวันวันหนึ่ง พอลล่า ก็เป็นฝ่ายมาบอกว่า เราเลิกกันนะ แล้วก็ยยู่ในช่วงปิดเทอมพอดี
................. ช่วงปิดเทอม ผม เจ็บปวดมาก แต่ที่เจ็บปวดมากกว่านั้นก็คือว่า เปิดเทอมใหม่ พอลล่า ควงคนใหม่มาส่ง ยึ่งทำให้เจ็บปวดมาก ผมต้องอธิฐาน ร้องขอ คุณพระช่วย... และต้องทำในห้องน้ำ วันละหลาย ๆ ครั้ง....ขอบคุณที่พระเจ้าทำให้ผมผ่านเหตุการณ์เหล่านั้นมาได้ โดยไม่มีอะไรร้ายแรง
.................. จนในที่สุดได้มาพบ ครู จูน ... ซึ่งเป็นคนที่อดทนกับ ผมทุกอย่าง เข้าใจผมทุกอย่าง... พระเจ้าเช่นเดียวกัน พระเยซูเปรียบคริสตจักรของพระองค์เหมือนกับเจ้าสาว ที่พระองค์รอคอย... และทนได้อย่าง