2008-01-08

สวัสดีปีใหม่ 2551 กับข่าวดีและข่าวร้าย(รึเปล่าก็ไม่รู้)


สวัสดีปีใหม่ 2551 กับตัวเอง หลังจากกลับมาจากกาญจนบุรี แล้วเมื่อวันที่ 1 มค. มีโอกาสพัก 2 วันแล้วเราก็ได้ไปบ้านภรรยาต่อเย็นวันที่ 3 มค. อากาศที่ปากชมหนาวมากตอนเช้าวันที่ 4 มค. แต่วันต่อมาก็ไม่ค่อยหนาวเท่าไร แต่จะมีก็หมอกตอนเช้าหนามาก อยู่ที่ปากชมจนถึงวันที่ 7 มค. เย็นวันนี้วางแผนว่าจะกลับกรุงเทพฯ ลูก ๆ ขาดเรียนไป 1 วันแล้ว บ่ายได้รับโทร จากคุณนก บอกให้ไปทำงานด้วยอีก จะว่าเป็นข่าวดี หรือเป็นคำตอบของพระเจ้าหรือเปล่าเราก็ไม่รู้นะ ทั้งที่เราก็ลาออกจากงานที่นั่นมาแล้ว กะว่าจะอยู่สบาย ๆ สักพักจนถึงลูกเปิดเรียน แล้วค่อยคิดหางานใหม่ ไม่น่าเชื่อว่าคำอธิษฐานมาตรงเวลาพอดี วันที่ 7 มค. เป็นวันแรกที่ลูกเปิดเรียน และเราก็ได้รับโทร. ให้กลับไปทำงานที่เดิมอีก... จะไม่ให้เราอดคิดได้อย่างไรว่าเป็นเสียงเรียกของพระเจ้า...อาจจะเป็นข่าวดีสำหรับเรา...ก็ได้นะสำหรับการต้อนรับปีใหม่...

แต่ก็ยังไม่ข่าวที่ไม่ค่อยดีเท่าไรที่ทำให้เราไม่สบายใจตามมา ซึ่งเราก็ได้รับโทร.ในบ่ายวันที่แปดหลังจากกลับมาถึง กทม.แล้ว...เรื่องอะไรเหรอ??? ไม่รู้ว่าจะเขียนที่นี่ได้หรือเปล่า...เอาไว้ค่อยมาเขียนหลังจากเรื่องมันจบก่อนดีกว่า... นึกอะไรได้แค่นี้แหละวันนี้พอก่อน

1 comment:

Wareewarach said...

...วันอังคารที่ 29 มกราคม 2551 เราได้ไปเป็นพยานในการแจ้งความของโรงพยาบาลมิชชั่นที่กับสถานีตำรวจนางเลิ้ง ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเราก็ได้รับนัดให้มาให้ปากคำตั้งหลายครั้งแล้ว แต่ก็คิวทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ว่างสักทีก็เลยต้องเลื่อนไปทุกครั้ง วันนี้ก็ได้โอกาสเสียที ซึ่งเราก็อยากรู้เหมือนกันว่าเรื่องอะไรกันแน่ ทราบคร่าวจากนพรัตน์ และประเวส ว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับเมล์ ซึ่งเราก็ไม่กล้าที่จะถามอะไรกับน้องเค้ามากนักกลัวเค้าลำบากใจในการตอบ รอให้ถึงคิวเราค่อยสอบถามจากเจ้าหน้าที่ดีกว่า...
...สรุปที่ตำรวจสอบสวนก็คือมีคนเข้าไปสร้างเมล์ User ชื่อ temp@mission-hospital.org และทำการ re-direct เมล์ของฝ่ายบริหารมาที่ temp@mission-hospital.org ตำรวจถามเราว่าเราได้สร้างใช่หรือเปล่า เราก็บอกว่าใช่ ตำรวจถามว่าทำไมถึงสร้าง ทั้งที่ลาออกจากงานแล้ว ฉันก็เล่าเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นให้ทางตำรวจทราบ และก็บอกว่าการที่ต้องออกจากงานนั้น หน้าที่นี้ที่รับผิดชอบก็ยังไม่ได้ถูกส่งมอบให้ใครรับผิดชอบต่อ และก็เป็นหน้าที่ที่ถือว่าเป็นความลับฉันก็ไม่กล้าที่ส่งมอบให้ใครทำ เลยดูแลมาเรื่อง ๆ และก็ได้สร้าง temp@ ดังกล่าวเพื่อสำรองเก็บข้อมูลเมล์ของฝ่ายบริหารอีกชุดหนึ่ง เพื่อป้องกันเมื่อมีการสูญหายจะได้หามาให้ได้ และได้ทดสอบการทำงานโดยการ re-direct ต่อมาที่ เมล์ของฉัน จนถึงประมาณกลางเดือน มิถุนายน 2550 ฉันก็ไม่สามารถเข้าไปจัดการระบบดังกล่าวได้ และฉันก็ไม่ได้สนใจอะไรต่อไปเพราะคิดว่าคงจะมีคนมาดูแลต่อแล้ว และฉันก็ลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปหมดแล้วจนถึงปัจจุบัน
... จนวันดังกล่าวที่ฉันมาให้ปากคำ ทราบว่ามีหัวหน้าคนใหม่ไปตรวจพบสิ่งที่ฉันได้ทำไว้ และก็ไปรายงานผู้อำนวยการ เลยกลายเป็นว่าฉันดักรับข้อมูลของฝ่ายบริหารไป ทางโรงพยาบาลจึงไปแจ้งความจะเอาผิดกับฉันให้ได้เลย...แต่ก็แปลกใจทำไมไม่เรียกฉันไปคุยถือสอบถามกันก่อนเพราะฉันก็ไปโบสถ์ที่นั่นเกือบทุกเสาร์ ฉันเสียใจจริง ๆ กับการกระทำแบบไร้ซึ่งมนุษยธรรมของทางฝ่ายบริหารโรงพยาบาลซึ่งกระทำต่อฉัน แต่ฉันก็ไม่ได้ถือโทษหรือว่าโกรธอะไร เพราะสิ่งที่เราทำมันอาจจะผิดมากในสายตามของเขาก็ได้ หรือไม่ก็ผิดจนไม่สามารถที่จะให้อภัยได้ ช่างเถอะฉันรู้ตัวฉันเองว่าฉันทำอะไร และมีเจตนาอย่างไรก็พอแล้ว ส่วนคนอื่นจะเข้าใจหรือไม่อย่างไร ฉันคงบังคับใครไม่ได้ ฉันเพียงแต่หวังว่าสักวันหนึ่งความจริงมันก็คงจะต้องปรากฏว่าอะไรเป็นอะไร